วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท

รู้จักเงินสี่ด้านกันเถอะ

เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภท

E (Employee) – ลูกจ้าง
- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย
- นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ
- ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร
- ตกงานเท่ากับล้มละลาย
(ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)
- อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ
B (Business Owner) – เจ้าของธุรกิจ
- มีทุน
- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้
- ไม่ทำก็มีรายได้
B มีหลายประเภท ได้แก่
- บริษัท
- แฟรนไซน์
- * การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)

* เน้นว่ามีความเสี่ยงน้อย ซึ่งผมก้อทำอยู่..
S (Self-employed) – ทำธุรกิจส่วนตัว
- ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน
- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง
- ขาดประสบการณ์
- เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า
- อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ

I (Investor) – นักลงทุน
- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย
- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ

หลายคนฝันที่จะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองแต่ไม่เคยเริ่มสักที เพราะกลัวความล้มเหลว อีกหลายคนฝันว่าจะรวยแต่ไม่ลงมือทำ
การศึกษาในโรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แต่การทำงานจริงสำคัญกว่า การเริ่มทำธุรกิจนอกเวลาเรียนหรือคู่งานประจำ จะสอนให้คุณเรียนรู้ทักษะ และความรู้ทางธุรกิจที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่น

1 ทักษะการสื่อสาร
2 ทักษะการเป็นผู้นำ
3 ทักษะการทำงานเป็นทีม
4 ทักษะการบริหารจัดการ และ อื่นๆ

- ทักษะหรือความรู้เหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากชั้นเรียนพิเศษหรือตำรา
ธุรกิจ network maketing จะให้สิ่งเหล่านี้ เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนธุรกิจ และเป็นกุญแจสู่การเป็นเศรษฐี
ลูกจ้าง – จะเปิดหนังสือพิมพ์หน้าสมัครงานเพื่อหางานประจำทำโดยอัตโนมัติ
คนทำธุรกิจส่วนตัว – จะหาอะไรมาขายหรือทำธุรกิจของตนเองเพื่อให้มีรายได้
เจ้าของกิจการ – คิดสร้างหรือซื้อธุรกิจ ที่สามารถทำเงินให้ได้
นักลงทุน – จะมองหาทรัพย์สินเพื่อผลิตรายได้ และใช้เงินทำงานแทน

คุณล่ะ…อยากอยู่ในจุดไหน…

ที่มา : หนังสือเงิน 4 ด้าน ของโรเบริ์ต คิโยซากิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น